ทำไม คุณแม่ตั้งครรภ์ ต้องตรวจ HIV

ทำไม คุณแม่ตั้งครรภ์ ต้องตรวจ HIV

การตรวจ HIV สำหรับ คุณแม่ตั้งครรภ์ เป็นวิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ HIV จากแม่ไปยังลูกน้อย ในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ การคลอด หรือการให้นมบุตรได้ ซึ่งประเภทของการแพร่เชื้อชนิดนี้ เรียกว่า การถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก ในบทความนี้ เราจะบอกเหตุผลที่ทำไมผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่วางแผนจะมีบุตร จำเป็นต้องได้รับการตรวจ HIV รวมไปถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการแพร่เชื้อนี้ และมีขั้นตอนใดที่สามารถทำ เพื่อลดความเสี่ยงที่อันตรายได้

คุณแม่ตั้งครรภ์ กับการติดเชื้อ HIV

Love2test”></a></div>
<p>Mother to Child Transmission หรือ MTCT หมายถึง การติดเชื้อจากแม่ผู้มีเชื้อ HIV ไปยังลูกในช่วงการตั้งครรภ์ การคลอด เเละการให้นมลูกด้วยนมแม่ ในเชิงพันธุกรรมของโรคเอดส์หรือเอชไอวี การติดเชื้อ MTCT เกิดขึ้นเมื่อเชื้อไวรัสถูกส่งต่อจากแม่ผู้ติดเชื้อ HIV ไปยังลูกขณะที่อยู่ในช่วงเหล่านี้</p>



<p>เราสามารถป้องกันโอกาสที่คุณแม่ตั้งครรภ์ จะส่งเชื้อไปยังลูกน้อยได้ด้วยการใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวี ที่จะช่วยลดปริมาณเอชไอวีในเลือด และของเหลวในร่างกายของผู้หญิงตั้งครรภ์ และสามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อให้กับเด็กน้อยในครรภ์ได้ มีการแนะนำการปฏิบัติอื่นๆ เช่น การผ่าตัดคลอด และการงดให้นมเด็กด้วยนมแม่ เพื่อป้องกันและรักษาอย่างเหมาะสม โอกาสของ MTCT จะลดลงอย่างมาก ทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ ที่ติด<a href=เชื้อเอชไอวี มีลูกที่มีสุขภาพแข็งแรง และไม่ติดเชื้อเอชไอวี

ทำไม คุณแม่ตั้งครรภ์ ต้องตรวจ HIV?

ผู้หญิงตั้งครรภ์ ควรได้รับการตรวจเอชไอวี เพราะเอชไอวีสามารถติดต่อจากผู้หญิงตั้งครรภ์ ไปยังทารกของเธอได้ ในช่วงการตั้งครรภ์ การคลอดลูก หรือการให้นมบุตร แต่หากได้รับการดูแลรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ที่เหมาะสม อาการติดเชื้อที่สามารถส่งต่อจากแม่ไปยังลูกน้อยจะลดลงอย่างมาก

“Quicky"

หากคุณแม่ตั้งครรภ์ ติดเชื้อเอชไอวี และไม่ได้รับการรักษาทางการแพทย์อย่างเหมาะสม จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อไปยังทารกของเธออย่างมาก ในความเป็นจริง โดยไม่มีการแทรกแซงใดๆ ความเสี่ยงที่จะส่งต่อโรคจากแม่ไปยังลูกน้อยนั้นประมาณ 15-45% ดังนั้น แนะนำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ ทุกคนทำการตรวจเอชไอวี เป็นส่วนประกอบของการดูแลสุขภาพเป็นประจำก่อนคลอด หากพบว่าติดเชื้อเอชไอวี จะสามารถได้รับการดูแลและรักษาทางการแพทย์ที่เหมาะสม เพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสไปยังทารกของเธอ และป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพของตนเองในอนาคต

การวินิจฉัยการติดเชื้อ HIV ใน คุณแม่ตั้งครรภ์

การวินิจฉัยการติดเชื้อ HIV ใน คุณแม่ตั้งครรภ์

การตรวจเชื้อเอชไอวีระหว่างการฝากครรภ์เป็นวิธีที่พบได้มากที่สุดในการวินิจฉัยการติดเชื้อเอชไอวีในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ การทดสอบจะตรวจพบเอ็นไซม์ที่เกิดจากเชื้อไวรัสหรือความเป็นมาตรฐานของสารพันธุกรรมเอชไอวีในเลือด หากผู้หญิงทดสอบพบว่าติดเชื้อเอชไอวีระหว่างการตั้งครรภ์ จะต้องทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาค่าไวรัสเอชไอวีในเลือด (จำนวนของเชื้อไวรัสในเลือด) และการนับเซลล์เอชไอวี CD4 (การวัดประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน) การตรวจเชื้อเหล่านี้จะช่วยกำหนดการดูแลและการรักษาที่เหมาะสมที่จะลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไปยังทารกและป้องกันการเสียชีวิตของแม่

“ChatLove2test"

การรักษาและดูแล คุณแม่ตั้งครรภ์ ที่ติดเชื้อเอชไอวี

การรักษาเชื้อเอชไอวีในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ด้วยการใช้ยาต้านไวรัสเอนตี้รีโทรไวรัส (ART) เป็นการรักษามาตรฐานสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ตั้งครรภ์ การใช้ยา ART เป็นการใช้ร่วมกันของหลายชนิดของยาที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อไวรัส ลดจำนวนของเชื้อไวรัสในเลือดและของออกซิเจนของแม่และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไปยังทารกการใช้ ART มักจะเริ่มต้นในช่วงตั้งครรภ์และต่อเนื่องไปยังช่วงคลอดและหลังคลอด ในบางกรณีอาจแนะนำการผ่าตัดคาดคลอดก็ได้เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อระหว่างการคลอด ผู้หญิงที่ติดเชื้อเอชไอวีแนะนำให้หลีกเลี่ยงการให้นมบุตร เนื่องจากอาจทำให้เชื้อไวรัสถูกส่งต่อไปยังทารกได้

ประโยชน์ในการตรวจ HIV

  • การตรวจพบเชื้อเอชไอวีในคุณแม่ตั้งครรภ์ ที่รวดเร็ว สามารถลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อจากแม่ไปยังทารกได้
  • การวินิจฉัย และรักษาโรคเอชไอวีจะช่วยป้องกัน หรือเลื่อนการเริ่มต้นของโรคที่เกี่ยวกับเอชไอวีในแม่ได้
  • ช่วยให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ ได้รับการดูแลและรักษาทางการแพทย์ที่เหมาะสมเพื่อปกป้องสุขภาพของทั้งคู่
  • ผู้หญิงที่ตรวจพบเชื้อเอชไอวีในช่วงการตั้งครรภ์ สามารถรับการปรึกษาและการสนับสนุน เพื่อช่วยให้พวกเขาเผชิญกับการวินิจฉัยและจัดการโรคได้
  • การตรวจเอชไอวีระหว่างการตั้งครรภ์ ยังช่วยลดความเสียหายที่เกี่ยวกับเชื้อไวรัสโดยการเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับความสำคัญของการตรวจและการวินิจฉัยในช่วงเร็ว
  • การตรวจและรักษาโรคเอชไอวีในผู้หญิงตั้งครรภ์ ในช่วงเวลาที่รวดเร็วสามารถเพิ่มโอกาสให้แม่มีการตั้งครรภ์ที่เหมาะสมและเกิดบุตรที่มีสุขภาพแข็งแรงได้

การป้องกันการแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูกด้วยเชื้อเอชไอวี

นอกจากการใช้ยาต้านเอชไอวีแล้ว ยังมีวิธีอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อจากแม่ไปยังลูก เช่น

“PrEPLove2test"
  • การป้องกันก่อนสัมผัสเชื้อ (PrEP): PrEP เป็นยาที่สามารถทานได้เฉพาะคนที่ไม่มีเชื้อเอชไอวี เพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อ เมื่อมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อในช่วงการตั้งครรภ์ บางครั้ง PrEP จะเป็นทางเลือกที่แนะนำ
  • การป้องกันหลังถูกเชื้อ (PEP): PEP เป็นยาที่สามารถทานได้เฉพาะคนที่ไม่มีเชื้อเอชไอวี แต่ได้รับความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ เมื่อมีการสัมผัสกับเชื้อเอชไอวี ในช่วงการคลอดหรือเหตุการณ์อื่น ๆ
  • การคลอดด้วยวิธีผ่าทำคลอด: บางกรณีอาจแนะนำให้ใช้วิธีผ่าทำคลอด (C-section) เพื่อลดโอกาสในการแพร่เชื้อในช่วงการคลอด วิธีการผ่าทำคลอดสามารถสำคัญมากสำหรับผู้หญิงที่มีเชื้อเอชไอวีปริมาณที่สูง (High Viral Load) หรือที่ไม่เคยได้รับการรักษาที่เหมาะสมมาก่อนหน้านี้
  • หลีกเลี่ยงการให้นมบุตร: คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี จะได้รับคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงการให้นมลูก เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังเด็กน้อย ควรใช้วิธีการให้นมอื่น เช่น นมสูตร นมผง หรือนมจากผู้บริจาคแทน
การป้องกันการแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูกด้วยเชื้อเอชไอวี

อ่านบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

อาการซึมเศร้า ของผู้ติดเชื้อ HIV เอาชนะอย่างไร?

อะไรคือ เพร็พกับเป๊ป

ถ้าถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้อเอชไอวี ระหว่างการตั้งครรภ์ อาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า และท้อแท้ใจได้ แต่ด้วยการดูแลรักษาทางการแพทย์ และการสนับสนุนที่เหมาะสมจากสามี หรือครอบครัว คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี ยังสามารถมีการตั้งครรภ์ที่ดี และสามารถคลอดลูกออกมาเป็นเด็กที่แข็งแรงได้ การทำการตรวจโรค การวินิจฉัยเร็ว การให้ยารักษาอาการเอชไอวี (ART) และการเลือกวิธีการคลอด การให้นมบุตรที่เหมาะสม สามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อระหว่างแม่และเด็กลงได้ สำคัญคือ คุณแม่ตั้งครรภ์ควรให้ความร่วมมือกับแพทย์ที่เป็นเจ้าของไข้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีสุดครับ

Similar Posts

  • | | | |

    การทำความเข้าใจกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่เป็นกลุ่ม U=U

    เมื่อเชื้อไวรัสเอชไอวีเข้าไปสู่ร่างกาย จะเข้าทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวซึ่งทำหน้าที่กำจัดสิ่งแปลกปลอม หรือเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เข้ามาสู่ร่างกาย จึงทำให้ผู้ป่วยมีระบบภูมิคุ้มกันที่ต่ำลงจนในที่สุด ร่างกายของผู้ป่วย ไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เข้าไปสู่ร่างกายได้ และอาจเกิดโรคติดเชื้อฉวยโอกาสได้ เช่น วัณโรค เชื้อรา ปอดบวม เป็นต้น โดยส่วนมากผู้ป่วยจะมีปริมาณของไวรัส ในเลือดมากกว่า 200-1,000 ตัว ต่อซีซีของเลือด แต่ะเมื่อได้เข้ารับการรักษา ทำให้มีปริมาณของเชื้อไวรัส ในเลือดต่ำกว่า 50 ตัวต่อซีซีของเลือด โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว เราจะเรียกกันว่า ตรวจไม่เจอ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เชื้อที่อยู่ภายในร่างกายได้หมดไปแล้ว เพียงแต่ จะมีปริมาณที่เหลือน้อยมาก ๆ จนทำให้ตรวจไม่เจอ U=U คืออะไร ตรวจเอชไอวี ไม่เจอ เป็นเพราะอะไร การที่จะสามารถแพร่เชื้อเอชไอวีได้นั้น จะต้องมีปริมาณของเชื้อไวรัสมากพอสมควร คือ ต้องมีปริมาณไวรัสในเลือดตั้งแต่ 200 – 1,000 copies/ซีซีของเลือด จึงจะสามารถแพร่เชื้อได้  กรณีที่จะตรวจไม่พบเชื้อเอชไอวี มีดังนี้ 1. กรณีตรวจเอชไอวี…

  • CD4 สำคัญอย่างไรกับผู้ติดเชื้อ HIV?

    HIV เป็นเชื้อไวรัสที่จะทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรค และเชื้อไวรัสต่าง ๆ เมื่อเซลล์เม็ดเลือดขาว ถูกทำลายจนอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายก็จะถูกเชื้อไวรัสเอชไอวีโจมตีจนไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้และก่อให้พัฒนาจนกลายเป็นโรคเอดส์ (AIDS) เต็มขั้น การตรวจวัดจำนวน CD3/CD4/CD8 ในกระแสเลือด ซึ่งเป็น CD ที่มีความจำเพาะกับเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันชนิดที่ต้องมีการกระตุ้น ( Adaptive Immune Response ) คือ กลุ่มเม็ดเลือดขาว ชนิดที่สร้างแอนติบอดี ( B cells ) หรือ กลุ่มเม็ดเลือดขาวที่เป็นหน่วยความจำ ( T cells ) และมีความสำคัญต่อการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย CD4 คืออะไร? CD4 cells ย่อมาจากคำว่า Cluster of Differentiation 4 บางครั้งถูกเรียกว่า T-cells หรือ T-helper cells  เชื้อเอชไอวีเริ่มยึดเกาะเข้ากับผนัง CD4 โดยใช้หนามที่มีอยู่รอบ ๆ เซลล์แทงยึดที่เต้ารับของ…

  • PrEP ซื้อที่ไหน ราคาเท่าไร? รวมคำตอบที่ควรรู้

    ในยุคที่การป้องกันเอชไอวี (HIV) มีความสำคัญอย่างยิ่ง PrEP หรือ Pre-Exposure Prophylaxis ได้กลายเป็นทางเลือกที่หลายคนให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นยาต้านไวรัสที่ช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อได้เกือบ 100% หากใช้ถูกต้องและต่อเนื่อง การมีข้อมูลที่ถูกต้องว่า PrEP ซื้อที่ไหน และราคาเท่าไร จึงเป็นคำถามสำคัญที่ผู้คนจำนวนมากอยากได้คำตอบอย่างชัดเจน การหาซื้อ PrEP ไม่ใช่แค่การซื้อยา แต่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย คุณภาพของยา การดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง และค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม บทความนี้จะอธิบายทุกประเด็นที่คุณควรรู้ ตั้งแต่พื้นฐานของ PrEP ความสำคัญ ราคา ช่องทางซื้อ ไปจนถึงปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนเริ่มใช้ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าทุกการตัดสินใจจะเป็นไปอย่างรอบคอบและปลอดภัย ยา PrEP คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ นอกจากนี้ การติดตามผลทุก 3 เดือนถือเป็นหัวใจสำคัญของการใช้ PrEP เพราะช่วยให้มั่นใจว่าผู้ใช้ยังคงปลอดจากเชื้อเอชไอวี รวมถึงช่วยประเมินผลข้างเคียงจากการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง การมีแพทย์คอยกำกับดูแลจึงไม่เพียงแค่ทำให้การใช้ PrEP ปลอดภัยยิ่งขึ้น แต่ยังทำให้ผู้ใช้ได้รับการดูแลสุขภาพในภาพรวมอย่างครบถ้วนอีกด้วย ราคา PrEP ในประเทศไทย ค่าใช้จ่ายในการรับบริการ PrEP (เพร็พ) ในประเทศไทย จะแตกต่างกันไปตามสถานพยาบาล รวมถึงการสนับสนุนจากโครงการด้านสุขภาพต่าง…

  • | | | | |

    Undetectable แล้วไม่ป้องกันได้ไหม ปลอดภัยจริงไหม?

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวคิด หรือ “U=U” ได้รับความสนใจอย่างมากในวงการแพทย์และสาธารณสุข โดยคำว่า “Undetectable” หมายถึงการที่ปริมาณไวรัส HIV ในเลือดของผู้ติดเชื้อลดต่ำจนไม่สามารถตรวจพบได้ด้วยการทดสอบมาตรฐาน ซึ่งเกิดจากการที่ผู้ติดเชื้อได้รับการบำบัดด้วยยาต้านไวรัส (ART) อย่างสม่ำเสมอ แนวคิด U=U เป็นที่ยอมรับทางวิทยาศาสตร์ว่า ผู้ที่มีปริมาณไวรัส HIV ต่ำจนตรวจไม่พบ ไม่สามารถแพร่เชื้อให้คู่นอนผ่านการมีเพศสัมพันธ์ได้ อย่างไรก็ตาม คำถามที่หลายคนยังคงสงสัยคือ ถ้าไวรัสตรวจไม่พบแล้ว สามารถมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยได้ไหม และมันปลอดภัยจริงหรือ?

  • Love2Test แพลตฟอร์มสุขภาพทางเพศที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน

    ปัจจุบัน สุขภาพทางเพศเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STDs) และเอชไอวี (HIV) ยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนทั่วโลก แม้ว่าความก้าวหน้าทางการแพทย์จะช่วยให้มีวิธีป้องกันและรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่การเข้าถึงบริการเหล่านี้ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับหลายคน Love2Test จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนสามารถตรวจหาเอชไอวีและดูแลสุขภาพทางเพศได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และเป็นส่วนตัว บทบาทสำคัญของLove2Test ในการลดการแพร่ระบาดของเอชไอวีในประเทศไทย ความสำคัญของการตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ การตรวจหาเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรค การตรวจพบเชื้อในระยะแรกช่วยให้สามารถเริ่มต้นการรักษาได้เร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการแพร่เชื้อและช่วยให้ผู้ติดเชื้อสามารถมีสุขภาพที่ดี ใช้ชีวิตได้อย่างปกติ สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง การใช้ ยา PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ขณะที่ PEP (Post-Exposure Prophylaxis) เป็นตัวเลือกที่ช่วยลดความเสี่ยงหลังจากได้รับเชื้อ การตรวจสุขภาพทางเพศอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงช่วยป้องกันโรค แต่ยังเป็นการดูแลตัวเองและคนที่คุณรักให้ปลอดภัยอีกด้วย บริการที่ครอบคลุมจากLove2Test Love2Testมอบบริการด้านสุขภาพทางเพศแบบครบวงจร ได้แก่ Love2Testทำให้การดูแลสุขภาพทางเพศเป็นเรื่องง่ายและไร้กังวล ใครบ้างที่ควรใช้ Love2Test แพลตฟอร์มนี้ออกแบบมาเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการตรวจเอชไอวีและข้อมูลด้านสุขภาพทางเพศได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และเป็นส่วนตัว โดยเหมาะสำหรับ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในกลุ่มใด Love2Testพร้อมเป็นตัวช่วยในการดูแลสุขภาพทางเพศของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ ช่องทางการเข้าถึงLove2Test คุณสามารถเข้าถึงบริการของLove2Test ผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้ อ่านบทความอื่น…

  • |

    วิธีการอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อเอชไอวีอย่างไรให้ปลอดภัย

    เมื่อคนในบ้านติดเชื้อเอชไอวี เราจะมีวิธีการอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อเอชไอวีนั้นให้ปลอดภัยได้อย่าง โดยเฉพาะคนในครอบครัวเดียวกันนั้น ถือเป็นบุคคลสำคัญที่ช่วยให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะนอกจากคอยให้กำลังใจแล้ว ยังต้องดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยให้มีพลานามัยสมบูรณ์ และสร้างสิ่งแวดล้อมบริเวณที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดยสามารถติดต่อกันได้ 3 ช่องทาง คือ  ทางการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน จากแม่สู่ลูก จากการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เพราะเป็นการส่งต่อเชื้อทางเลือด อะไรก็ตาม ที่สัมผัสกับเลือดก็มีโอกาสเสี่ยง ถ้าหากผิวหนังของเรา สัมผัสกับเลือดผู้ติดเชื้อ ไม่ถือว่าเป็นอันตราย เพราะผิวหนังของเรา สามารถกันเชื้อไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย แต่ถ้าเกิดคุณมีแผลตามผิวหนัง ก็มีโอกาสเสี่ยง การสัมผัสกับเชื้อ จากน้ำลายโดยการจูบ ก็ไม่ได้มีความเสี่ยง ถ้าหากจะเสี่ยง คือ ต้องจูบแบบรับน้ำลายกันต้องมีปริมาณมากเป็นลิตรถึงจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ  ออรัลเซ็กซ์ ส่วนใหญ่จะไม่ติด เว้นแต่ว่าในปากมีแผล มีเลือดออก แบบนี้จะเพิ่มความเสี่ยงในการติด แต่เปอร์เซ็นต์ที่จะติดเชื้อน้อย เตรียมตัวอย่างไรหากต้องอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์ ผู้ที่อาศัยอยู่กับผู้ติดเชื้อเอชไอวีควรเตรียมความพร้อมสำหรับการดูแลผู้ป่วย ดังนี้ อย่างไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อเอชไอวีในระยะต้น ๆ ที่รับประทานยาเป็นประจำทุกวัน อาจช่วยป้องกันไม่ให้การติดเชื้อลุกลามไปเป็นโรคเอดส์และทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ได้นานเหมือนคนปกติ ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ แม้ไข้หวัดใหญ่บางชนิดจะไม่รุนแรงสำหรับคนทั่วไป ทว่าอาจส่งผลรุนแรงต่อผู้ป่วยเอดส์หรือผู้ป่วยเอชไอวีได้ ดังนั้น คนใกล้ชิดซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจนำเชื้อโรคแพร่สู่ผู้ป่วยจำเป็นต้องป้องกันตนเองและรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ อีกทั้งควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่และวัคซีนป้องกันโรคติดต่อชนิดอื่น ๆ ด้วย วิธีอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์  ผู้ติดเชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์จะมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ สิ่งที่เราควรจะทำ…